Adventure Time - Finn 3
ยินดีต้อนรับ Blogger นี้สร้างโดย ด.ช. คณพัฒน์ ภูมิสุข โรงเรียนสุราษฎร์พิทยา ม.2/10

วันศุกร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2559

การจัดองค์ประกอบของภาพ

การถ่ายวีดีโอหรือถ่ายรูปสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงคือเรื่ององค์ประกอบของภาพ ซึ่งประกอบไปด้วยความสมดุล (balance), สัดส่วนของภาพ (perspective), รูปร่าง (shape) และรูปแบบ (form) ซึ่งเป็นส่วนประกอบในภาพ ในแต่ละช็อตของการถ่ายวีดีโอควรจะคำนึงถึงความสัมพันธ์ขององค์ประกอบต่างๆที่ได้กล่าวมา โดยเราอาจจะใช้ความคิดสร้างสรรค์เพิ่มเติมลงไป เพื่อทำให้ภาพที่ได้ดูสวยงามมากยิ่งขึ้น

A. การจัดองค์ประกอบของวัตถุที่อยู่นิ่ง (Stationary Subjects)
แนะนำการจัดองค์ประกอบภาพของวัตถุที่อยู่นิ่ง เช่น อาคารสถานที่ วิวทิวทัศน์
Framing (กรอบของภาพ)

รูปแบบของกรอบการแสดงผลจะมีอยู่ 2 รูปแบบ ได้แก่ แบบ 16:9 Widescreen และแบบ 4:3 TV screen ซึ่งจะขึ้นอยู่กับว่าเราตั้งค่าในกล้องถ่ายวีดีโอไว้เป็นแบบไหน ถ้าเราถ่ายวีดีโอมาแบบ 16:9 เราสามารถใช้ software ที่ใช้ในการตัดต่อวีดีโอช่วยแปลงขนาดของกรอบให้เป็น 4:3 ได้ โดยขอบบางส่วนจะถูกตัดออกไป เราสามารถใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการหากรอบให้ภาพได้ เช่น หน้าต่าง ประตู หรืออาจจะเป็นหน้าจอ LCD สามารถใช้เป็นกรอบในการถ่ายวีดีโอได้

 กฎสามส่วน (Rule of Thirds)

เหมาะสำหรับการถ่ายวีดีโอประเภทวิวทิวทัศน์ เป็นการแบ่งภาพในแนวนอนออกเป็นสามส่วนเท่าๆกัน ถ้าเราต้องการถ่ายวีดีโอเน้นท้องฟ้าก็แบ่งพื้นที่ให้ท้องฟ้า 2 ส่วน เหลือพื้นที่สำหรับพื้นดิน 1 ส่วน ถ้าเราต้องการถ่ายวีดีโอเน้นพื้นดินก็ให้ทำตรงกันข้ามกัน
จุดตัดเก้าช่อง
ให้เราขีดเส้นในแนวตั้งและแนวนอนอย่างละ 2 เส้นในภาพ จะเกิดช่องทั้งหมด 9 ช่องและจะได้จุดตัดทั้งสิ้น 4 จุด โดยทั้ง 4 จุดนั้นเป็นตำแหน่งที่วางวัตถุหลักลงไปในภาพแล้ว จะทำให้ภาพนั้นดูดี น่าสนใจ ไม่แข็งจนเกินไป
มุมมองของภาพ (Viewpoint )

การถ่ายวีดีโอเพื่อที่จะสื่อถึงอารมณ์ความรู้สึกของภาพที่แตกต่างกัน เราจะอาศัยมุมมองของภาพเป็นตัวสื่อความหมาย โดยเราจะใช้ทักษะในการถือกล้องวีดีโอเป็นตัวควบคุมการถ่ายวีดีโอในมุมต่างๆ หรือเราอาจจะใช้วัตถุวางไว้อยู่ที่ตำแหน่งต่างๆกัน เพื่อที่จะทำให้ภาพดูแล้วเกิดมิติของภาพ เรามาลองดูตัวอย่างมุมมองของภาพกัน
1) การถ่ายวีดีโอมุมสูง (Birds-eye-view)
วิธีการถ่ายวีดีโอมุมสูงอาจจะใช้วิธียกกล้องวีดีโอไว้บนศีรษะ หรืออาจจะยืนบนเก้าอี้ บันได ในการรับถ่ายวีดีโองานแต่งงานจะใช้วิธีนี้มากในช่วงพิธีเดินขบวนขันหมาก เพราะว่าถ้าเรายืนถ่ายวีดีโอด้วยมุมปกติ คนที่ยืนถือของอยู่ด้านหลังจะมองไม่เห็นเพราะถูกบัง ประโยชน์ในการถ่ายวีดีโอมุมสูง คือ ช่วยเปิดเผยรายละเอียดต่างๆในภาพ และประโยชน์อีกอย่างหนึ่งก็คือ ในกรณีที่ฉากหลังของเราค่อนข้างรก เราอาจจะใช้วิธีนี้ถ่ายวีดีโอเพื่อเลี่ยงฉากหลัง
2) การถ่ายวีดีโอมุมต่ำ (Worms-eye-view)
วิธีการถ่ายวีดีโอมุมต่ำอาจจะใช้วิธีย่อเข่า นั่งลง หรือนอนถ่ายวีดีโอ การถ่ายวีดีโอในมุมต่ำจะทำให้วัตถุที่ถูกถ่ายดูมีพลังมากขึ้น น่าเกรงขาม ในการรับถ่ายวีดีโองานแต่งงานเราจะใช้วิธีนี้ถ่ายวีดีโอตอนที่คู่บ่าวสาวเดินเข้าพิธีในงาน ซึ่งจะทำให้ภาพที่ออกมาดูแล้วเปรียบเสมือนความรักของทั้งคู่ดูยิ่งใหญ่ อลังการ
การเปลี่ยนแปลงความยาวโฟกัส (Focal Length)
การถ่ายวีดีโอโดยใช้ความยาวโฟกัสที่แตกต่างกันจะทำให้องค์ประกอบของภาพที่ได้แตกต่างกัน เช่น การถ่ายวีดีโอด้วยความยาวโฟกัสสั้น (Wide angle) จะทำให้เห็นองค์ประกอบต่างๆในภาพมากขึ้น แต่จะเกิดการบิดเบี้ยวของภาพที่บริเวณขอบของภาพ ส่วนการถ่ายวีดีโอด้วยความยาวโฟกัสยาว (Telephoto) จะทำให้เห็นองค์ประกอบของภาพน้อยลง แต่เมื่อเราถ่ายวัตถุจะทำให้ฉากหลังของวัตถุหลุดโฟกัสไป (หลังละลาย) ซึ่งจะทำให้วัตถุดูเด่นยิ่งขึ้น ในการรับถ่ายวีดีโองานแต่งงานเราจะถ่ายวีดีโอด้วยความยาวโฟกัสสั้นกับพวกอาคารสถานที่ สิ่งตกแต่งประดับประดา การถ่ายรูปหมู่หน้าซุ้ม ส่วนการถ่ายวีดีโอแบบ Telephoto เราจะใช้ถ่ายแบบ candid คือ การแอบถ่ายเพื่อเก็บอารมณ์ของคน
B. จัดองค์ประกอบของวัตถุเคลื่อนที่ (Movement Subjects)
Walking Room
เมื่อเราถ่ายวีดีโอวัตถุที่กำลังเคลื่อนที่ด้วยการแพน เราควรเหลือพื้นที่ว่างในทิศทางที่วัตถุเคลื่อนที่ไปด้านหน้ามากกว่าพื้นที่ด้านหลัง เพื่อที่จะสื่อความหมายว่าวัตถุกำลังเคลื่อนที่ไปข้างหน้าต่อไป วิธีการถ่ายวีดีโอ คือ เริ่มต้นแพนกล้องถ่ายวีดีโอ โดยให้เหลือพื้นที่ว่างประมาณ 2 ใน 3 ในทิศทางที่วัตถุกำลังเคลื่อนที่ไปช้างหน้า พอถึงตำแหน่งที่ต้องการแล้วให้เราหยุดแพนและปล่อยให้วัตถุเคลื่อนที่หลุดเฟรมออกไป
Head Room
ในการถ่ายวีดีโอบุคคล เราไม่ควรวางตำแหน่งของศีรษะคนไว้ตำแหน่งตรงกลางของเฟรม เพราะจะทำให้องค์ประกอบของภาพขาดความสมดุลเนื่องจากมีพื้นที่ว่างมากเกินไประหว่างศีรษะของคนกับขอบบนของเฟรม เราควรจะเหลือพื้นที่ว่างซักเล็กน้อย
Looking Space
การถ่ายวีดีโอที่หยุดนิ่งอยู่กับที่ เราควรเว้นที่ว่างด้านหน้าในทิศทางที่คนมองออกไป จะทำให้ภาพดูสบายตา ไม่อึดอัด และเป็นการสื่อความหมายว่าผู้พูดกำลังมองอะไรบางอย่างอยู่
Shot Size
เราสามารถถ่ายวีดีโอโดยการจัดองค์ประกอบภาพได้หลายรูปแบบ ซึ่งขนาดของแต่ละช็อตจะสื่อความหมายที่แตกต่างกัน เรามาลองดูว่ามีช็อตแบบไหนบ้าง
Long Shot (LS) – เปิดเผยบรรยากาศของภาพอย่างกว้างๆ ให้เห็นว่าในบริเวณนั้นประกอบด้วยอะไรบ้าง มีการทำกิจกรรมอะไรอยู่
Medium Shot (MS) – การถ่ายวีดีโอคนตั้งแต่เอวขึ้นไป
Close-up Shot (CU) – การถ่ายวีดีโอคนตั้งแต่หน้าอกขึ้นไป เพื่อแสดงอารมณ์ความรู้สึกของคนนั้นๆ
Big Close-up Shot (BCU) – การถ่ายวีดีโอคนตั้งแต่คางขึ้นไปจนถึงหน้าผาก เพื่อเน้นอารมณ์ความรู้สึกของคนในภาพมากขึ้น


มาตรฐานการแพร่ภาพวีดีโอ
                มาตรฐานการแพร่ภาพทั้งสาม ได้แก่ NTSC, PAL และ SECAM เป็นมาตรฐานที่นิยมใช้กันในหลายพื้นที่ทั่วโลก และได้มีการพัฒนามาตรฐานใหม่ขึ้นมา เรียกว่า “HDTV (High-Definition Television” ทำให้ผู้ผลิตมัลติมีเดียจำเป็นที่จะต้องทราบถึงมาตรฐานที่ใช้งานในแต่ละพื้นที่อย่างเหมาะสม
                - National Television System Committee (NTSC) เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบในการตั้งมาตรฐานที่เกี่ยวกับโทรทัศน์และวีดีโอในสหรัฐ มาตรฐานนี้เป็นการเข้ารหัสข้อมูลแบบสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์  กำหนดให้สร้างภาพด้วยเส้นในแนวนอน 525 เส้นต่อเฟรม ในอัตรา 30 เฟรมต่อวินาที มีสี 16 ล้านสีที่แตกต่างกันและอัตรารีเฟรช เป็น 60 Halt-Frame (Interlace)ต่อวินาที แต่บนจอภาพคอมพิวเตอร์นั้นจะใช้วิธีการที่เรียกว่า “Progressive-Scan” ซึ่งมีความแตกต่างจากจอภาพโทรทัศน์ตรงที่สามารถสร้างภาพเป็นแบบเฟรมต่อเฟรม โดยไม่มีการ Interlacing
                - Phase Alternate Line (PAL)  เป็นมาตรฐานของโทรทัศน์และวีดีโอที่นิยมในแถบยุโรป รวมถึงไทยด้วย เป็นการสร้างภาพจากแนวนอน 625 เส้นต่อเฟรม ในอัตรา 25 เฟรมต่อวินาทีและทำการแสดงภาพด้วยวิธี Interlacing เช่นกันแต่จะแสดงภาพในอัตรารีเฟรช เป็น 50 Halt-Frame ต่อนาที
                - Sequential Color and Memory (SECAM) เป็นมาตรฐานของการแพร่สัญญาณโทรทัศน์และวีดีโอที่ใช้กันในฝรั่งเศส ยุโรปตะวันออก ตะวันออกกลาง และประเทศในพื้นที่ใกล้เคียง ทำการแพร่สัญญาณแบบอนาลอก ส่วนการสร้างภาพจะเป็น 819 เส้น ด้วยอัตรารีเฟรช 25 เฟรมต่อวินาที ซึ่งจะแตกต่างจากมาตรฐาน NTCS และ PAL ในเรื่องการผลิต วิธีการแพร่ภาพออกอากาศ และจากสาเหตุที่ระบบนี้ไม่แตกต่างจากระบบ PAL มากนัก เครื่องรับโทรทัศน์ในยุโรปจึงทำการพัฒนาให้สามารถใช้งานได้ทั้งระบบ PAL และ SECAM
- High Definition Television (HDTV) เป็นเทคโนโลยีของการแพร่ภาพโทรทัศน์ที่ถูกพัฒนาขึ้นมา เพื่อแสดงภาพที่มีความละเอียดสูง คือ 1280x720 ซึ่งเป็นความละเอียดสำหรับการแสดงภาพเช่นเดียวกับโรงภาพยนต์ แต่ในขณะพัฒนานั้นได้มีการโต้เถียงกันระหว่างกลุ่มอุตสาหกรรมโทรทัศน์กับกลุ่มอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ ว่าจะใช้ความละเอียดจอภาพเป็น1920x1080 พิกเซล หลังจากนั้นสรุปได้ว่า ความละเอียดนี้ไม่เหมาะสม ดังนั้นมาตรฐาน HDTV จึงได้กำหนดให้มีความละเอียดของจอภาพเป็น 1280x720
ลักษณะการทำงานของวีดีโอ
                กล้องวีดีโอเป็นการนำเอาหลักการของแสงที่ว่า แสงตกกระทบกับวัตถุแล้วสะท้อนสู่เลนส์ในดวงตาของมนุษย์ทำให้เกิดการมองเห็น มาใช้ในการสร้างภาพร่วมกับวงจรอิเล็กทรอนิกส์ โดยภาพที่ได้จะถูกบันทึกเป็นสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ หรือที่เรียกว่า สัญญาณอนาลอก ประกอบด้วยข้อมูลสี ชนิด คือ แดง เขียว น้ำเงิน (Red, Green, Blue : สีRGB) และสัญญาณสำหรับเชื่อมความสัมพันธ์ของข้อมูล (Synchronization Plus : สัญญาณ SYNC) สัญญาณวีดีโอจะถูกส่งไปบันทึกยังตลับวีดีโอ (Video Cassette Recorder : VCR) โดยการแปลงสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์เป็นสัญญาณดิจิตอลและบันทึกลงบนอุปกรณ์บันทึกข้อมูลด้วยหลักการของสนามแม่เหล็ก การบันทึกจะต้องบันทึกผ่านอุปกรณ์ที่เรียกว่า หัวเทปวีดีโอ ที่สามารถบันทึกได้ทั้งภาพ เสียง และข้อมูลควบคุมการแสดงภาพ นอกจากบันทึกเป็นม้วนเทปวีดีโอแล้วยังสามารถบันทึกในรูปของสัญญาณวิทยุได้อีกด้วย โดยอาศัย NTSC, PAL หรือ SECAM เพื่อช่วยในการส่งสัญญาณให้สามารถแพร่ภาพทางโทรทัศน์ได้


 ที่มา http://kruoong.blogspot.com/2011/07/blog-post.html
ชนิดของวิดีโอ
ชนิดของวิดีโอ
                วิดีโอที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบันสามารถแบ่งได้เป็น ชนิดคือ
                1. วิดีโออะนาลอก (Analog Video) เป็นวีดีโอที่ทำการบันทึกข้อมูลภาพและเสียงให้อยู่ในรูปของสัญญาณอนาลอก (รูปของคลื่นสำหรับวีดีโอประเภทนี้ เช่น VHS (Video Home System) ซึ่งเป็นม้วนเทปวีดีโอที่ใช้ดูกันตามบ้าน เมื่อทำการตัดต่อข้อมูลของวีดีโอชนิดนี้ อาจจะทำให้คุณภาพลดน้อยลง
                2. วีดีโอดิจิตอล (Digital Video)  เป็นวีดีโอที่ทำการบันทึกข้อมูลภาพและเสียงที่ได้มาจากกล้องดิจิตอล ให้อยู่ในรูปของสัญญาณดิจิตอล คือ กับ 1 ส่วนการตัดต่อข้อมูลของภาพและเสียงที่ได้มาจากวีดีโอดิจิตอลนั้น จะแตกต่างจากวีดีโออนาลอก เพราะข้อมูลที่ได้จะยังคงคุณภาพความคมชัดเหมือนกับข้อมูลต้นฉบับ การพัฒนาของวีดีโอดิจิตอลส่งผลให้วีดีโออนาลอกหายไปจากวงการมัลติมีเดีย เนื่องจากสัญญาณดิจิตอลสามารถที่จะบันทึกข้อมูลลงบนฮาร์ดดิสก์ ซีดีรอม ดีวีดี หรืออุปกรณ์บันทึกข้อมูลอื่น ๆ และสามารถแสดงผลบนคอมพิวเตอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในการผลิตมัลติมีเดียบนคอมพิวเตอร์ สามารถเปลี่ยนรูปแบบของสัญญาณอนาลอกเป็นสัญญาณดิจิตอลได้ เพียงแต่ผู้ผลิตมีทรัพยากรทางด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่เหมาะสมเท่านั้น